รู้จักหา รู้จักให้ รู้จักความพอดี

ความพอเพียงมีทุกที่

การใช้ชีวิตในรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียง ที่พ่อหลวงของเราได้เคยส่งให้ไว้เป็นแนวทางการใช้ชีวิตและการประกอบการงานในของแต่ละบุคคล นอกจากว่าจะนำมาช่วยเรื่องของเศรษฐกิจในประเทศภาพรวมของประเทศไทย ยังสามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ด้วย และตัวผู้เขียนเองก็อยากให้ผู้อ่านได้ลองนำสิ่งแนวทางเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของเรา

ส่วนนึงที่มีใจความสำคัญและควรจะใส่ใจจากข้อมูลเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นปรัชญาพ่อหลวงได้เคยสอนไว้ นั่นก็คือ เรารู้จักหา รู้จักทำงาน รู้จักประกอบอาชีพที่เป็นอาชีพสุจริต ไม่คดโกงผู้อื่น เมื่อเราหาได้แล้ว คนรอบข้างของเราหรือคนที่เขาตกทุกข์ได้ยาก จะด้วยบุญกรรมที่มีต่างกันมาก็ดี หรืออาจจะเป็นเพราะเขากำลังอยู่ช่วงขาลงของชีวิต หากว่าเราสามารถแบ่งปันกับคนเหล่านั้นได้ เราก็ควรจะรู้จักคำว่า “ให้” เพราะมันคือการที่เราได้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น

รู้จักพอดี

ให้ก็มีสุข ทำงานก็ไม่ทุกข์ มีความพอดีในชีวิต

เมื่อเราหาได้แล้ว เราก็ควรจะให้ผู้อื่นที่เขากำลังเดือดร้อน ถึงแม้ว่าบางทีคนที่เราให้นั้นเค้าอาจจะเป็นคนขี้เกียจหรือไม่ค่อยได้ทำมาหากิน แต่กลับมาแบมือขอเงินเรา ก็อย่าได้ไปใส่ใจ สิ่งที่เราทำได้ก็คือเราให้เขาด้วยความสบายใจและเต็มใจ เพื่อหวังว่าเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่การให้เหล่านี้มันก็ย่อมมีขอบเขตนั่นก็คือ หากว่าเราหามาได้ 10,000 บาทต่อเดือน เรามีค่าใช้จ่ายจำเป็นส่วนตัวอะไรบ้าง เราจำเป็นที่จะต้องดูแลพ่อแม่หรือครอบครัวต่อเดือนเท่าไหร่

สมมุติว่าเมื่อหักลบค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเดือนนึงอาจจะซัก 3000 หากไม่เดือดร้อน เราก็ควรจะทำตัวเป็นคนที่ดีในสังคมด้วยการรู้จักให้ผู้อื่นที่เขาเดือนร้อน อาจจะซัก 200 300 500 แบ่งๆกัน ทำบุญตามมูลนิธิหรือให้คนที่เค้าลำบากโดยตรง สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เราเกิดความสุขเพราะเราไม่ได้เดือดร้อนจากการให้ เราให้ในระดับที่เหมาะสม มีความพอดี นี่แหละคือแบบอย่างที่ดีของการใช้ชีวิตพอเพียง ถึงจะไม่ได้ตรงหลักกับคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงมากนัก แต่อย่างน้อยการนำเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัวให้เรารู้จักเป็นคนดีในสังคม แบ่งปันผู้อื่น มันก็ย่อมทำให้ประเทศของเรามีบุคคลดีขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว นั่นคือตัวเราไงล่ะ ถ้าทำแบบนี้ได้สัก 10 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยทั้งหมด ประเทศเราคงอยู่กันดีขึ้นอีกหลายครัวเรือน

ยิ้มได้ถ้าไม่เครียด